ปรึกษาเรื่องเอดส์และท้องไม่พร้อม โทร 1663

วันแม่...ที่ไม่ได้เจ็บแค่ลูก

By nuttynui 10 ส.ค 2562 13:55:59
 
 
ธิติพร ดนตรีพงษ์

จะได้หยุดยาวช่วงวันแม่กันแล้ว และช่วงนี้หลายโรงเรียนยังคงจัดกิจกรรมวันแม่ แม้ว่าเสียงทักท้วงจากหลายคนว่า การจัดงานวันแม่อาจเป็นการตอกย้ำเด็กบางคนที่ไม่มีแม่แล้ว

ผู้เขียนเชื่อว่า ไม่เพียงเด็กที่ไม่มีแม่เท่านั้นหรอกที่สะเทือนใจจากการจัดกิจกรรมวันแม่ แต่อาจจะมีผู้หญิงอีกหลายคนสะเทือนใจ ที่ไม่สามารถเป็น “แม่” ได้เช่นกัน โดยเฉพาะผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อม

ต้องบอกว่าจากการให้บริการปรึกษาของสายด่วนปรึกษาเอดส์และท้องไม่พร้อม 1663 ผู้หญิงที่โทรมาปรึกษาเรื่องท้องไม่พร้อม ร้อยละ 80 ประสงค์ยุติการตั้งครรภ์ แต่ไม่ได้หมายความว่าอีกร้อยละ 20 ที่ไม่ได้ตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์จะพร้อมเป็นแม่ หลายคนเลือกท้องต่อและเมื่อคลอดแล้วก็ยกบุตรให้สถานสงเคราะห์ หรือยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของครอบครัวอื่น

จากการให้คำปรึกษาพบว่า สาเหตุความไม่พร้อมอันดับหนึ่งมาจากสภาวะครอบครัว เช่น ถูกทอดทิ้ง แยกทาง คู่ไม่รับผิดชอบหรือสัมพันธภาพกับคู่ไม่ดี รองลงมาคือปัญหาด้านเศรษฐกิจ เช่น รายได้ไม่เพียงพอ และปัญหาเชิงสังคม เช่น การตั้งครรภ์จะเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาหรือการทำงาน ทำให้เมื่อตั้งครรภ์ ผู้หญิงจะต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งบนความไม่พร้อม และเกือบทุกคนรู้สึกสะเทือนใจต่อการตัดสินใจดังกล่าว

ผู้รับบริการรายหนึ่งเล่าว่า เธอมีลูกเล็กอยู่แล้ว 1 คน และต่อมาตั้งครรภ์อีก อันเนื่องมาจากการคุมกำเนิดผิดพลาด จริงๆ ก็ตั้งใจมีอีกคนหนึ่งจะได้เป็นเพื่อนเล่นกับลูกคนโต แต่เธอก็ยอมรับว่า การที่ “อีกคนหนึ่ง” มาในช่วงเวลานี้เธอไม่พร้อมจริงๆ เพราะสามีทำงานคนเดียวหาเลี้ยงทั้งครอบครัว และยังมีภาระเรื่องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ

มันแย่มากที่ต้องตัดสินใจยุติตั้งครรภ์ มองหน้าลูกคนโตที่เพิ่งนั่งได้แล้วก็รู้สึกผิดต่ออีกคนที่อยู่ในท้องว่า ทำไมให้คนหนึ่งเกิดมา แต่ไม่ให้อีกคนเกิด มันแย่มากจริงๆ แต่เราไม่มีทางเลือกอื่น เราคิดว่าให้เขาเกิดมาในช่วงที่เราพร้อมดีกว่าคลอดมาแล้วยกเขาให้สถานสงเคราะห์

ในขณะที่ผู้รับบริการบางรายที่อยากมีลูก แต่เมื่อตั้งครรภ์ เด็กในครรภ์ตรวจพบความผิดปกติ เช่น อวัยวะไม่ครบ สมองพิการ มีแนวโน้มเป็นดาวน์ซินโดรม ผู้หญิงเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็ตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ เป็นความเจ็บปวดอย่างหนึ่งที่ชีวิตนี้มีความพร้อมและอยากเป็นแม่มาก เฝ้าประคบประหงมดูแลครรภ์ แต่ท้ายที่สุดต้องตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์

“วันแม่” ได้เวียนครบรอบมาอีกปี การแสดงความเคารพและระลึกถึงแม่ผู้มีพระคุณเป็นเรื่องดี เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ควรทำทุกวัน ไม่ใช่ทำเนื่องในวาระใดวาระหนึ่ง และการจัดงานวันแม่ควรจัดโดยคำนึงถึงคนอื่นๆ ที่ไม่ได้มีแม่มาให้กราบที่โรงเรียน

การส่งเสริมการเป็น “สตรีที่ดี”  ก็เช่นกัน ควรนำ “ความเป็นแม่” ออกไปจากความเป็นสตรีดีเด่นเสียที เพราะสตรีดีเด่นไม่จำเป็นต้องเป็นแม่ และไม่ควรนำ “ความเป็นแม่” ที่มาพร้อมกับภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่มาผูกให้เป็นความรับผิดชอบของผู้หญิงแต่เพียงเพศเดียว

ผู้เขียนเคยเข้าเรียนวิชาที่ว่าด้วยเรื่องรัฐสวัสดิการ อาจารย์ผู้สอนพูดว่า ผู้หญิงหลายคนจำเป็นต้องทิ้งความฝันของตัวเองเพื่อทำหน้าที่แม่ และตัวชี้วัดความสำเร็จของการเป็นแม่ก็คือ “ความสำเร็จของลูก” ซึ่งอันที่จริง มันไม่ควรเป็นเช่นนั้น

แด่วันแม่ในปีนี้ ไม่ใช่แค่ลูกที่เจ็บเพราะไม่มีแม่มาให้กราบที่โรงเรียน แต่ผู้หญิงหลายคนก็เจ็บที่ไม่สามารถทำหน้าที่แม่ได้เช่นกัน






*** ความคิดเห็นของผู้เขียนอาจไม่จำเป็นต้องสอดคล้อง หรือเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับกองบรรณาธิการ ***

 
-->